28 ธันวาคม 2554


บล็อกตอนนี้เป็นบล็อกส่งท้ายปี 54 ที่อีกไม่นานก็จะผ่านพ้นไปแล้ว...
"Ashley Kennedy" (อ่านว่าแอชลี่ เคนเนดี้) เขาคือใครน่ะหรอ? เขาคือศิลปินคนนึงนี่แหละเป็นชาวอังกฤษ ที่พอผมได้ฟังครั้งแรกแล้วผมก็อยากเอามาเขียนมาเผยแพร่คุณภาพของผลงานเพลงให้ได้รู้จักได้ฟังกัน แต่ไม่ใช่ว่าผมเห็นต่างชาติแล้วจะไม่สนับสนุนคนไทย ที่เอามาก็เพราะว่ามุมมองของบ้านเรายิ่งเปิดกว้างก็ยิ่งดีแต่ต้องเปิดแบบให้ถูกวิธี ไม่ใช่เปิดไม่มีสติแล้วจะพาลเสียวัฒนธรรมไป(อันนี้พูดโดยรวม)  อีกอย่าง.. กว่าจะขออนุญาตเขามาลงได้นี่ลำบากไม่ใช่ว่าเขาไม่พอใจหรืออะไรนะครับแต่เพราะผมเองนี่แหละที่ว่าลำบากก็เพราะมันต้องคุยเป็นภาษาอังกฤษที่โครตจะไม่ถนัด~ มาว่ากันต่อ.. ผลงานเพลงของเขาถูกเรียกไว้ในนามวงที่มีชื่อว่า "Aplin" (แอปพริน) เพลงเป็นสไตล์ที่เรียกว่า Percussive Acoustic สังกัดค่ายปริณามมิวสิค(Parinam Music)  เพลงที่พูดถึงไปข้างต้นเนี้ยไม่ใช่เพลงสากลทั่วไปนะอย่างงั้นมันธรรมดาสำหรับพวกเราๆไปเพราะเห็นกันบ่อยล่ะ..เขาร้องเพลงที่เป็นของตัวเองแถมยังเป็นภาษาไทยอีก! ถ้าพูดถึงเรื่องน้ำเสียงก่อนนะถือได้ว่าชัดมากๆ คือถ้าฝึกตัวควบกล้ำอีกหน่อยจะชัดจนเกือบจะแยกไม่ออกเลยว่า เนี้ย!ฝรั่งร้องว่ะ ในภาคดนตรี ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นอะคูสติกตัวเพลงฟังสบายๆประกอบกับเสียงกีต้าร์ของTaylor ลูกเล่นดีๆและPercussion อีกเล็กน้อย เนื้อหาเพลงที่น่าฟังแต่ก็ออกเป็นแนวเพลงของไทยเหมือนกัน สรุปว่าเป็นเพลงที่ฟังแล้วเพลินมีอารมณ์ร่วมได้ง่ายไม่ว่าจะเหงาหรือรัก(แถมยังน่าเอาไปCoverอีก)   ..ก็อย่างว่าถ้าชิ้นงานถูกตั้งใจแล้วมันลงตัวทุกอย่างก็แทบจะไปได้สวยละ (อยากให้ลองฟังเพลงอื่นของค่ายนี้ดู จะบอกว่าดีจริงๆ อย่าลืมสนับสนุนกันนะครับ)
.....ผมก็มีคำถามในหัวนะว่า "ทำไมถึงหอบจากลอนดอนมาทำเพลงไทย?"
ฟังผลงานหน่อย 



Live!





ติดตามวง Aplin ได้ตามนี้ครับ :)
ปี ใหม่ขอให้ทุกคนคิดใหม่เจอสิ่งใหม่ๆที่ดีและอย่าทิ้งสิ่งเก่าๆที่เคยผ่านมา เรื่องร้ายก็ให้มันเป็นวัคซีนให้ตัวเอง ให้มันเดินไปพร้อมกันกับตัวพวกคุณนั้นแหละครับ
-วางแผงทั่วประเทศเดือนม.ค. 2555 อัลบั้มAll for you
-ขอบคุณพี่ @iiammaii ที่แนะนำเพลงมาอีกครั้งครับ
-ขอบคุณวง Aplin ด้วยที่อนุญาตให้นำเพลงมาเขียน

24 ธันวาคม 2554


ตอนนี้ขอบ่นๆ(ไร้สาระ)ล่ะกันนะครับ พอดีเพิ่งผ่านการทดสอบหินๆ(นรก)มาหมาดๆและเพิ่งเสร็จเมื่อเย็นวันนี้เอง(แต่ยังไม่หมด)ถ้าอยากรู้ว่าแกทแพท(Gat Pat)คืออะไรสอบทำเกลืออะไรก็ คลิกที่นี่ เลยหรือถ้างงก็เอ้า 02-217-3800 โทรไปถาม สทศ. กันเล้ย วันนี้ก็เป็นวันแรกที่สอบหลังจากที่เลื่อนกันมาหลายครั้งแล้ว ออกบ้านแต่เช้าเพราะเริ่มสอบ 8 โมงครึ่งต้องไปที่ศูนย์สอบแต่ละจังหวัด ส่วนผมก็มาที่

16 ธันวาคม 2554


(ขอออกตัวก่อนนะครับว่าบล็อกเรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับพี่เขาหรือคนที่ผมจะพูดถึง) ครั้งนี้ผมอยากจะพูดถึง(แนะนำ)คือผลงานของคนคนหนึ่งที่ได้ Cover หรือนำเพลงทั้งไทยและเทศมาทำใหม่แล้วแต่อารมณ์หรือเพลงคนขอมา ..อาจจะเห็นผ่านตาบ่อยๆตามแหล่งโซเชียลในชื่อ "Rangsit Bureau Of Music" ผลงานแต่ละครั้งที่ออกมาในสายตาคนทั่วไปก็อาจจะงั้นๆหรือยังไงก็ตาม แต่!

5 ธันวาคม 2554


วันนี้ ๕ ธันวา ของทุกปีเป็นวันมงคลอย่างหาที่สุดมิได้เนื่องด้วยเป็นวันพระราชสมภพของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร” หรือพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่ ๙ องค์ปัจจุบัน วันนี้ผมอยากจะเชิญพระราชดำรัสของพ่ออยู่หัวของเราที่ซึ่งเป็นที่รักยิ่งของชาวไทยมาให้ทุกคนได้น้อมนำคำสอนท่านให้เกิดศิริมงคลและนำไปใช้ดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข
ถ้าทุกคนสนใจในความรักประเทศชาติ รักษาความดีเอาไว้ ไม่ต้องไปตามอย่างในสิ่งที่เราเห็นว่าไม่น่าที่จะเจริญไม่น่าจะพัฒนา เราต้องรักษาแนวทางความคิดตามที่เรามีอยู่ แม้จะเป็นสิ่งที่ตกทอดมาแต่โบราณกาลจากปู่ย่าตายายของเรา แต่เป็นระเบียบการหรือเป็นวิธีการที่ดี จะไม่ล้าสมัย
(ในโอกาสเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร ๑๓ มีนาคม ๒๕๑๔)
การมีเสรีภาพนั้น เป็นของที่ดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อจะใช้ จำเป็นต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง และความ
รับผิดชอบ มิให้ล่วงละเมิดเสรีภาพของผู้อื่นที่เขามีอยู่เท่าเทียมกัน ทั้งมิให้กระทบกระเทือนถึงสวัสดิภาพ
และความเป็นปกติสุขของส่วนรวมด้วย
(พระราชทานแก่ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ๙ กรกฎาคม ๒๕๑๔)
คนเราถ้าพอใจในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อยถ้าทุกประเทศมีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่าพอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมากคนเราก็อยู่เป็นสุข
(พระราชทานแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ ณ ศาลาดุสิดาลัย ๔ ธันวาคม ๒๕๑๔)
การดำเนินชีวิตโดยใช้วิชาการอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ จะต้องอาศัยความรู้รอบตัวและหลักศีลธรรมประกอบด้วย ผู้ที่มีความรู้ดีแต่ขาดความยั้งคิด นำความรู้ไปใช้ในทางมิชอบ ก็เท่ากับเป็นบุคคลที่เป็นภัยแก่สังคมของมนุษย์
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๑๘ กันยายน ๒๕๐๔)
ความคิดนั้นเป็นแม่บทใหญ่ของการพูดและการกระทำ เพราะกิจที่จะทำคำที่จะพูดทุกอย่างล้วนสำเร็จมาจากความคิด การคิดก่อนพูดและก่อนทำจึงช่วยให้หบุคคลสามารถยับยั้งคำพูดที่ไม่สมควร หยุดยั้งการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๐๔)
การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมาก ไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลยพระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๐๖)
งานด้านการศึกษาศิลปะและวัฒนธรรมนั้น คืองานสร้างสรรค์ความเจริญทางปัญญาและทางจิตใจซึ่งเป็นทั้งต้นเหตุทั้งองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ของความเจริญด้านอื่นๆทั้งหมด และเป็นปัจจัยที่จะช่วยให้เรารักษาและดำรงความเป็นไทยไว้ได้สืบไป
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศิลปากร ๑๒ ตุลาคม ๒๕๑๓)
การจะทำงานให้มีประสิทธิผลและให้ดำเนินไปได้โดยราบรื่น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำด้วยความรับผิดชอบอย่างสูง ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่บิดเบือนจุดประสงค์ที่แท้จริงของงานสำคัญที่สุดต้องเข้าใจความหมายของคำว่า ความรับผิดชอบ ให้ถูกต้อง
(ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๑๙)
สามัคคีหรือการปรองดองกัน ไม่ได้หมายความว่าคนหนึ่งพูดอย่างหนึ่ง คนอื่นต้องพูดเหมือนกันหมด ลงท้ายชีวิตก็ไม่มีความหมาย ต้องมีความแตกต่างกัน แต่ต้องทำงานให้สอดคล้องกัน แม้จะขัดกันบ้างก็ต้องสอดคล้องกัน
(พระราชทานแก่ คณะบุคคลต่างๆในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๔ ธันวาคม ๒๕๓๖)
การทำความดีนั้น โดยมากเป็นการเดินทวนกระแสความพอใจและความต้องการของมนุษย์จึงทำได้ยาก และเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่แล้วจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว
(ในพิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรแก่ว่าที่ร้อยตำรวจตรีฯ รร.นายร้อยตำรวจฯ วันจันทร์ ๑๐ มีนาคม ๒๕๒๙)
คนไทย รักษาชาติ รักษาแผ่นดิน เป็นปึกแผ่นมั่นคงมาได้ ด้วยสติปัญญาความสามารถ และด้วยคุณความดี อิสรภาพ เสรีภาพ ความร่มเย็นเป็นสุข ตลอดจนความเจริญ ทุกอย่างที่มีอยู่บัดนี้ เราทั้งหลายในปัจจุบัน จึงต้องถือเป็นหน้าที่รับผิดชอบอย่างสำคัญ ในอันที่จะรักษาคุณความดี พร้อมทั้งจิตใจที่เป็นไทยไว้ให้มั่นคงตลอดไป(ในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธี เฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธ.ค.๒๕๒๑)
“ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”
  • ขอขอบคุณข้อมูลจาก :กองบัญชาการกองทัพไทย
  • ผมรักพ่อกับแม่มากที่สุดครับ


4 ธันวาคม 2554


คืนนี้ว่างๆแม่เลยชวนพ่อและก็มาชวนลูกต่อไปเที่ยวเปิดหู เปิดตากันซักหน่อยถ้าช่วงนี้งานที่ลพบุรีก็ต้องเป็น ”งานฤดูหนาว” ที่จัดขึ้นทุกๆปี ที่โรงเรียนพิบูลฯ กลางใจเมืองลพบุรี แล้วปีนี้เดินสบายครับอากาศเย็นๆเที่ยวงานสบาย ถ้าว่างานนี้ก็คงเรียกได้ว่าตลาดนัดเย็นละมั้ง.. เพราะมันก็มีทั้งของกินของใช้อะไรจุกจิกทั่วไปนั่นแหละ แต่แค่มันมีการแสดงดนตรีคอนเสิร์ตมั่ง เปิดโชว์รถมั่ง แข่งขันนู้นนี่ทั่วๆไป…
แต่ ด้วยเพราะมันเป็นงานประจำปีนี่ คนถึงแห่กันมาเต็มไปหมดเสียงจอแจจากทั้งไมค์ ทั้งเสียงแม่ค้า แจ้ดๆๆ ทั้งหลาย แต่! งานประเภทนี้จะขาดกลุ่มคนพวกนี้ไปไม่ได้เลย “กลุ่มเด็กแว้น” ที่พร้อมทั้งสก๊อยที่เดินควงกันมา หรือแม้แต่วัยรุ่นที่เดินกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนอัดกันแน่น ตั้งแต่หน้างานกันเลยถึงยังไงทั้งงานก็ยังมีที่พอที่จะให้เดินได้ถือว่าไม่ แน่นจนเกินไปมีแค่บางช่วงที่แน่นจนอยากจะเหาะผ่านไปเท่านั้น วันนี้ออกจากบ้านมาอารมณ์ไหนไม่รู้สะพายกล้องมาด้วยเลย แต่ถ่ายได้ไม่เยอะเท่าไหร่เพราะด้วยจำนวนคนที่ไม่ค่อยจะหยุดนิ่ง(ถ่าย ลำบาก+เกรงใจด้วย) ต้องเข้าใจว่างานประเภทนี้ไม่ใช่งานชมสวนดอกไม้พฤกษาซะหน่อย พอเริ่มเดินไปจะเป็นที่กว้างๆ เป็นที่ของพวก ..จะเรียกว่าไงดีล่ะ พวกโชว์รูมย่อมๆของแต่ละค่ายโชว์รถกันเต็มที่ ไม่แค่นั้นซิโชว์ลำโพงกันขนมาตั้งกันตัวเท่าบ้าน (สงสัยมันจะกลัวที่เชียงใหม่ไม่ได้ยินมั้ง?) มีเวทีเล่นเกมกิจกรรมชิงรางวัลพร้อมสาวๆที่…(หื่มๆ) ที่มาเป็นพิธีกรซึ่งแถบๆนั้นจะแน่นและเต็มไปด้วยคนสปีชีส์เพศผู้ อย่างล้นหลาม~ แต่พอแถบนิทรรศการที่มันเพิ่มรอยหยักนี่ โล่ง~หายใจสบายพอ



 พ้นจากแถบเวทีกับโชว์รูมแล้ว เอ้อ!..ลืมบอกไปว่าวันนี้ที่ผมไปมีคอนเสิร์ตฟรีหลวงไก่มา ส่วนวันอื่นนี่จำไม่ได้  ตัดภาพมาที่กำลังเดินเข้าในส่วนของพื้นที่ละลายทรัพย์ เป็นพื้นที่จับจ่ายซื้อของกันตลอดทางก็จะมีร้านเล็กๆ ร้านรถเข็น รถปิกอัพ รถเก็งอะไรก็ว่ากันไป ขายของกินแก้หิวแก้กระหาย ส่วนของหลักๆที่ขายกันแถบนี้ก็จะเป็นกระเป๋า รองเท้า(ส่วนมากจะมือสอง) เสื้อผ้าตั้งแต่1ขวบยันเกษียณ ถ้วยโถโอชาม มีดจะสารพัดมีด ผ้าปูเตียง ผ้าม่าน ของเล่น จิปาถะปนกันไป แต่ที่ขาดไปหน่อยน่าจะเป็นพวกของโบราณเก่าจะได้เอาให้ครบเลย(หรือว่ามีแต่ เราเดินได้ไม่ทั่ว?)

โซน แถบต่อไปคือแถบขายต้นไม้ มีทุกแบบเช่นกันพืชผักสวนครัวไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ยืนต้น ไม้เลื้อยล้มลุก สารพัดจะไม้ ส่วนนี้เป็นส่วนที่เรียกได้ว่าเดินสบายสดชื่นที่สุดแล้ว (ไม่ค่อยมีฝุ่นด้วยแหละ) ขายกันต้นเล็กๆยันโต บางอย่างก็เอาผลผลิตมันนั้นแหละมาขายแบบ กล้วยนี้ยกเครือกันมาเลยทีเดียว มะละกอก็เช่นเดียวกันลูกยาวมากวัดจากจากหัวนี่ถึงหน้าอกเลย แล้วก็ร้านขายต้นไม้ในขวดเล็กๆสวยๆ ขายรวมตะบองเพชรจิ๋วๆซึ่งน่าซื้อมาวางโต๊ะทำงาน โต๊ะคอมให้สบายตาผ่อนคลายไม่จำเจดีจัง สรุปแล้วก็ได้ต้น ..โชคอะไรซักอย่างมา ต้นละ 20 บาท ก่อนเดินออกพ่อพูดบ่นทิ้งท้าย “นี่ถ้าบ้านมีที่เยอะจะทำเป็นสวนปลูกกินเองล่ะ” ~

ออก จากโซนต้นไม้ก็เป็นโซนของกินเยอะแยะมากขนมไทยๆก็มี แต่ถ้าพาเด็กเล็กมาไม่ต้องหวังจะหาขนมถุงก๊อบแก๊บเลยนะ ..แทบไม่มี ขายน้ำผลไม้มั่งสิ่งที่เจอบ่อยๆนี่คือขนมสาลีกับเกาลัดคั่ว สาลีหรือขนมอย่างอื่นเช่นเค้กกล้วยแปรรูป ขนมไทยจุกจิก อย่างขนมลูกเต๋า หม้อแกง ของทอด หรือแม้แต่ขนมจาก ส่วนมากจะทำใหม่ๆตอนนั้นกันเลยกลิ่นนี่ไม่ต้องพูดถึง ควันโขมง(เพราะเขาย่างหมูกัน) ผลไม้ก็มีเยอะ ผลไม้กระป๋องก็ด้วย ของกินนี่ถ้าพูดก็คงไม่หมดเยอะมากๆ เยอะจริงๆ เยอะ(…ๆ) เลยล่ะเอาเป็นว่าใครกินเก่งมีกรี้ดแน่ๆ

ส่วน หลักๆสุดท้ายก่อนออกจากงานก่อนเข้ามาให้ส่วนนี้ที่เป็นหอประชุมจะแวะ ไหว้”หลวงพ่อขาว” ที่ยึดเนี่ยวจิตใจของคนพิบูลก่อนก็ได้ จะมีดอกไม้ธูปเทียนบริการอยู่ (เสียดายถ่ายไม่ทัน) เมื่อเข้ามาในหอนี้จะเป็นพวกจิวเวลรี่เครื่องดับต่างๆทั้งสไตล์ไทยและเทศ จุดนี้เขาได้เอาจิวเวลรี่มารวมไว้กับส่วนของน้ำพริกและอาหารดอง (คิดได้ไงว่ะ!) แต่บอกว่าอร่อยจริงๆ ..ถ้าเลือกเป็น? เมื่อออกจากจุดนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วครับระหว่างทางก็เหมือนเดิมขายเสื้อผ้า ทั้งผู้ใหญ่และเด็กเอามาขายกัน ของกินเรี่ยไปตามทาง (ไม่นับขอทานนะ) แต่ส่วนตัวผมว่าปีนี้เงียบกว่าปีก่อนคงเพราะว่าเหตุการณ์น้ำล้นด้วยนี่แหละ สุดท้ายก็ได้ขนมจาก เกาลัด สาลี่ หม้อแกง ข้าวเกรียบว่าวกลับไปกินบ้าน ...ยังไงว่างๆสะดวกก็มากันได้นะครับ โรงเรียนพิบูล (ถ้าหลงถามใครก็รู้จัก) วงเวียนศาลพระกาฬแต่ไม่ต้องกลัวลิงนะพอเย็นๆมันก็เริ่มหลับกันแล้ว ค่าบัตรผู้ใหญ่20 เด็ก 10 บาท งานจัด ถึงวันที่ 6 ธ.ค. (จวนตัวโคตร) นะครับ

เก็บมาฝาก+

ยังเป็นเครดิตจากเว็บเก่าอยู่นะครับ

ขอบคุณมากครับ

30 พฤศจิกายน 2554


น่าจะไม่ล้าหลังเกินไปถ้าจะพูดถึงภาพยนตร์ไทยสักเรื่องในปี ๒๕๔๗ อีกครั้งที่ว่าถ่ายทอดวัฒนธรรมได้อย่างดี และให้ความสวยงามอย่างมีคุณค่าแก่วงการ ..ก็คงไม่พ้นเรื่องหนึ่งคนึงอยู่ในใจกับเรื่อง “โหมโรง” (The Overture) ที่ได้กลิ่นอายความเป็นไทยทางด้านดนตรีอย่างชัดเจน แม้ว่าเรื่องนี้จะออกมาให้ทุกคนได้ชมได้ฟังกันนานแล้ว แต่ผมว่าเรื่องนี้ไม่มีทางตกยุคไปได้ ทั้งหนังเรื่องนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจกับใครหลายๆคนทั้งคนรุ่นใหม่หรือจะมีอายุแล้วก็ตาม แต่วันนี้จริงผมไม่ได้มาพูดพล่ามเรื่องภาพรวมของหนังหรอกนะ ที่จริงแล้วสิ่งที่ผมทำประเด็นวันนี้ก็คือ”เพลงประกอบ” นั่นแหละครับ ความจริงมีหลายเพลงครับในหลายๆฉาก แต่ที่กินใจและสะกดผมเป็นอย่างมาก คงจำฉากนี้ได้ใช่ไหมครับ(สำหรับคนที่เคยดู..) ครูศร หรือ หลวงประดิษฐ์ ไพเราะ เล่นซอในช่วงเช้าตรู่ช่วงพระอาทิตย์กำลังอมแสงแดดอ่อนๆพออุ่น ประกอบกับที่นางเอก(แม่โชติ) เดินในสวนที่มีหญ้าเขียวชะอุ่มเก็บดอกลีลาวดี แต่หัวใจหลักของฉากนี้นอกจากพระเอกและตัวนางเอกแล้วที่ขาดไม่ได้คือ เพลงที่กำลังเล่นคลออยู่นั่นเอง สามารถดึงอารมณ์ของผู้ชมให้หลงไหลเสมือนส่วนหนึ่งของความงามของจุดใดจุดหนึ่งได้  เพลง

28 พฤศจิกายน 2554

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของบล็อกที่เขียนเกี่ยวกับทริปซักทริปที่ได้ไป ก็ไม่พูดไรมากผมก็คงต้องเขียนตามแบบของผมอยู่ดีที่ที่ผมไปเนี่ยมันคือเขื่อนของลพบุรี อ.พัฒนานิคม เหตุผลที่ไปไม่ใช่ว่าผมอยู่ลพบุรีมาตั้งแต่เกิดแล้วไม่เคยไปนะ พอดีมีงานบวชตอนหัวค่ำพอดีเลยแวะไปโฉบซะหน่อย(ลองกล้องใหม่ ฮิ้ว~) …ถ้าจะถามว่าสวยไหม? ไม่รู้ซิผมว่าแล้วแต่คนนะแต่ที่นี้บรรยากาศดีสดชื่น เพราะพื้นที่เป็นที่โล่งและเต็มไปด้วยน้ำ! เอาเป็นว่าจะอธิบายให้ดูละกัน เริ่มกันที่!!

27 พฤศจิกายน 2554


บทความนี้เป็นบทความแรกของผม ที่กำลังห้าว(อีกนานหรือไม่ก็ไม่รู้) ยังไงก็เถอะผมอยากจะเขียนเกี่ยวกับเพลง 2 เพลงนี้พอตัวเลยล่ะครับ ...ผมเคยพูดบ่อยๆว่า "อาจจะเป็นเพราะเนื้อหาที่ไม่ถูกใจวัยรุ่น วงดีๆเลยไม่ดังเพราะไม่ค่อยถูกสนับสนุน" ~

เจ้าสาวไฉไล ผลงานของวงอภิรมย์ วงดนตรีจากจ.สกลนคร   ..ด้วยตัวเพลงที่มีเมโลดี้ในตัวออกเป็นแนว folk นิดๆอารมณ์สนุกสนานแต่กลับกัน เนื้อหาที่ร้องออกมา(แม่ง) คนละอย่างเลย สมมุติว่าถ้ามีคนเจอสถานกาณ์นี้จริงๆ คงฟังไปพร้อมเสื้อและแขนที่เปียกชุ่ม ..เอาเป็นว่าความรักก็คือความสามัคคีของหมู่คน เมื่อมีปัญหาจงหันหน้าปรับความเข้าใจจะดีกว่า
ติดตามวงอภิรมย์ :: http://www.facebook.com/Apirome


ส่วนเพลงนี้ ภายใต้ท้องฟ้าสีดำ ของ Greasy Cafe' ที่เป็นวง Idolของใครหลายๆคนรวมถึงตัวผม ไม่แน่ใจว่าเป็นวงจากทางเจียงใหม่ หรือเปล่า ...ถ้าพูดถึงเพลงนี้ตัวเพลงอ่ะมันได้ออกเมื่อ 2 ปีมาแล้วแต่ได้มาถ่ายทอดทาง MV โดยฝีมือพี่จิรัตน์  บทเพลงที่ดูสับสนของวงนี้ประกอบกับดนตรีที่ล่องลอยและกินใจผมว่าทุกเพลงของเขาทำออกมาได้คุ้มค่าหูมาก
ติดตามวง Greasy Cafe' :: http://www.facebook.com/GreasyCafe

ต้องขอบคุณพี่ @iiammaii ที่แนะนำมา  ขอบคุณครับ


สวัสดีครับ..
ผมเปิดใช้บล็อกนี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 พ.ย. 54  ในหน้าหนาวหลังจากที่บ้านเมืองจมน้ำท่วมกันมานานเหตุผลหรือประมาณว่าเป็นจุดมุ่งหมายของบล็อกนี้??   น่าจะเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ของผมในสิ่งใดสิ่งหนึงที่พบเจอหรือสิ่งที่น่าสนใจ คล้ายๆว่าบล็อกนี้เป็นเนื้อหาที่ตามใจฉันไม่แน่ไม่นอนอยากเขียนอะไรก็เขียน
ถ้าจะ ถามเรื่องสาระจากบล็อกนี้ ก็คงตอบไม่ได้ว่าจะได้มากน้อยแค่ไหนแต่สิ่งที่คุณแหละผมหวังจะได้คงอาจเป็น  …เป็นอะไรซักอย่างบนโลกที่เน่าเฟะแต่ก็ยังมีมุมของสิ่งหนึ่งที่พร้อมเติบโตด้วยแรงบันดาลใจ Inspiration+

จงเชื่ออย่างมีสติในสิ่งที่คุณรู้สึก

แบ่งปัน