20 มกราคม 2555


(เครดิตภาพจริง : Poramet Panman)
ปล.ทำใจก่อนอ่านเรื่องนี้ยาวมากไม่ว่างจริงอ่านไม่ได้
ผมได้ตัดขาดจากโลกโซเชียลไป 4-5วันเพราะไปค่ายรด. หรือเขาเรียกอีกอย่างนึงว่า "ภาคสนาม" ที่ผมไปไม่ใช่ เขาชนไก่ เพราะมันไกลจากศูนย์ฝึกอยู่เหมือนกัน ..แต่ตรงนั้นไม่ได้ซีเรียสว่าจะค่ายรด.เนี้ย จะต้องที่เขาชนไก่เท่านั้นถึงจะเรียกว่าค่ายรด.แท้จริง ..สำหรับผมขอแค่มันฝึกแล้วได้ความรู้กับจบรด.พ้นการเป็น นศท.(นักศึกษาวิชาทหาร)
โดยสมบูรณ์ก็พอ
ถ้าเราพูดถึงเรื่องการสมัครเป็นรด.
ในความคิดผู้ชายเริ่มตั้งแต่ปี1 ที่สมัครกันตั้งแต่มัธยมสี่ ถ้าถามว่าสมัครไปเพื่ออะไร? ก็คงไม่พ้นคำตอบว่าไม่อยากเกฑณ์ทหารแน่นอน ส่วนผู้หญิงก็ใช้สอบที่ต่างๆที่ใช้ใบรับรองการผ่านรด.มาแล้ว ...วันนี้ผมได้จบชั้นปี3 มาหมาดๆก็เลยจะมาเขียน ประมาณว่าเป็นไดอารี่กึ่งระบายก็แล้วกันว่าผลลัพธ์ของมันที่เรา ท่าน กู มึงทนเรียนมามันมีอะไรที่นอกเหนือจากการที่ไม่ต้องไปล้วงใบดำใบแดง..


"ผู้ที่สามารถระงับความโมโหจากความเหนื่อย ความง่วง ความหิว ได้ผู้นั้นคือยอดคน"  : หนึ่งในคำพูดของครูฝึก รด.

ก่อนวันไปหนึ่งวัน (15 ม.ค. 55)
ที่จริงแล้วผลัดของโรงเรียนผมเนี้ยมันต้องไปเดือบ ก.พ. แต่ขอเขาย้ายมาเพราะช่วงนั้นมีติดสอบเลยย้ายมาเป็น 16-21 ม.ค. 6วันที่ค่ายเขาจีนแล จ.ลพบุรี (ที่เดิมตอนค่ายปีสอง) ..เริ่มด้วยการตัดผมก่อนมาค่ายที่มั่นใจได้เลยว่าไม่โดนที่รด.ตัดก็คือ ข้างขาวหลังขาวเกรียนหรือนร.เบอร์หนึ่งไม่ก็สกินเฮ้ดเบอร์1ไปเลยไม่ต้องห่วงด้านบนกับหน้าว่าจะยาวเกินไป เพราะเอาจริงๆเบอร์2 ว่าสั้นๆก็โดน ส่วนข้าวของในเป้ที่ต้องเตรียมไปนอกจากกระติกน้ำทหาร หลักๆที่ใช้จริงๆแบบคนไม่สำอางค์และเรื่องมากก็คือเสื้ออ่อน ,กกน ,ทิชชู ,โฟมหน้าหน้า(ที่ล้างง่ายๆ) ยาสีฟัน(ไปหายืมดาบเอาดีกว่า~) ...ไม่ต้องคิดเอาสบู่เอาอะไรไปหรอก เขาไม่ให้อาบน้ำฝึกเหงือหรือดินเละๆยังไงก็ไม่ให้อาบหมกมันอย่างงั้นแหละ

วันที่หนึ่ง (16 ม.ค. 55)
เริ่มวันแรก ร.ร. มีรถไปส่งที่ศูนย์ฝึกตั้งแต่ 9โมง(โดยที่เขานัดให้ไปบ่าย2) นั่งรอจนถึงเวลารวมรายงานตัว เอ้อ! ลืมบอกไปก่อนว่าร.ร. ผมหลักๆเข้าด้วยกับร.ร.ของทางสิงห์บุรีแ่ล้วก็มีร.ร.บ้างเป็นประปราย... รายงานตัวก็ไม่มีอะไรแบ่งเป็นกองร้อยๆ จับคู่นอนเต้นละ ตั้ง 3คน! คิดสภาพภายในของเต็นท์ก็เปรียบเทียบจากรูปเอา ในค่ายก็เหมือนเดิมกับปีที่แล้ว มีกองเสนารักษ์(โซนรักษาตัวดีๆนี่แหละ) PX หรือมินิมาร์ท อย่าหวังว่าจะหาพัดลมหรือแอร์ได้จากที่นี่เลย! วันแรกไม่ฝึกอะไรมาก(ต่างจากปี2 ที่เวลาน้อย(3วัน)เลยฝึกกันไม่ได้หายใจหายคอกันเลย) ออกกำลังกายจัดแถวจัดรูปแบบระบบระเบียบให้ลงตัวแค่นั้น จะบอกก่อนว่าธุระที่ต้องทำให้ไวที่สุดคือนั่งส้วมเพราะครูแกจะเป่าเรียกรวมตอนไหนก็ไม่รู้~ แถมนับยอดตลอด เช็คคนขาดด้วยขาดทีก็ซวยทั้งหมด ปล.ในเต็นท์ร้อนมากจะเย็นก็ต่อเมื่อมีลมพัดหรือดึกๆเท่านั้น

วันที่สอง (17 ม.ค. 55)
เช้ามาปลุกจากเต็นท์ตี5ครึ่ง เสียงจากครูฝึกว่า "5นาที" ซึ่งจริงๆก็แค่2นาทีกว่าๆ หรือน้อยกว่านั้นแทบไม่ได้ทำ(ห*า)อะไรเลยครูเอ้ย~ เรียกรวม(จำชื่อจุดรวมไม่ได้จริงๆ) ออกกำลังกายเพื่อรางการที่แข็งแรงกับหน้าเหนียวๆตัวหนืดๆ แล้วก็ไปกินข้าวพร้อมพักผ่อนจนเวลา9โมง เริ่มที่จะไปฝึกสถานีแรกก่อนไปก็รับปืน ปลย.88 ตีความตามสภาพก็คือไรเฟิลไม้หุ้มเหล็กสมัยสงครามโลกน้ำหนักเกือบ4โลที่ไม่มีสายสะพาย ไปฝึกที่แรกสถานี "ตั้งรับ-ถอนตัว" (ก่อนอื่นต้องพรางหน้าด้วยสีดำทุกสถานี) จริงๆน่าเรียกตั้งหลับมากกว่าถือได้ว่าเป็นสถานีที่เบาที่สุดเดียวหลับๆ(แต่ร้อนอยู่ดี) เพราะที่ฝึกนี่มีแต่ทุ่งเป็นไร่ข้าวโพดไร่อ้อยโล่งๆ และพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง การตั้งรับในที่นี้ก็เป็นการขุดหลุมอำพรางตัวหรือหาหินหรืออะไรมาทำเป็นบังเกอร์บังกระสุนพร้อมปรับพรางตามภูมิประเทศ และถอนตัวเป็นแนวที่ตั้งไว้แต่แรกเพื่อรอการมาของการบุกโจมตีอีกกลุ่ม การฝึกค่ายรด.มันเป็นอะไรที่ร้อนที่สุดแล้วล่ะ ตกกลางคืนก็จะมีครูฝึกมาบรรยายความรู้ให้ฟังฝันดีก่อนนอน

วันที่สาม (18 ม.ค. 55)
ชีวิตเช้าๆวนไปเหมือนเดิมมีแต่เหงือชุ่มๆจากวันแรกที่หมกเลยเสื้อผ้าทำตัวหนืดกว่าเดิมที่เพิ่มมา วันนี้เป็นคิวของสถานี "ทดสอบกำลังใจ" แต่ก่อนอื่นสถานีนี้จะทำในช่วงบ่ายในช่วงเช้านี้ เชื่อได้ว่าเป็นเวลาฝึกที่ทุกคนชอบมากๆคือการ "ยิงปืน" โดยใช้กระสุนจริง(แต่ไม่รู้นะว่าผลัดรด.หญิงจะชอบไหม) ใช้ปืน HK33 ยิงเป้าไล่กันไปจนหมดโดยที่ใช้ยิงได้แต้มเยอะสุดได้โล่ในวันสุดท้ายด้วยนะ ระหน่ำกันหูดับไปหมดอื้อไป 2 วันได้ ...มาถึงสถานีทดสอบกำลังใจ ความหมายตามชื่อก็คือทดสอบจิตใจการตัดสินใจก็สู้การผลักดันตัวเองในภาวะที่เหน็ดเหนือยหรือไม่ไหวให้สู้ต่อได้ มาถึงก็โดนแดกเลย(การทำโทษแบบไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่~) หมอบมั่ง ปลาหมอมั่ง(คือการนอนหงายเคลื่อนที่โดยเอาแค่ไหล่ก็เท้าผลักตัวเอง ดึ๊บๆๆไป) อย่าลืมว่านี่คือทุ่งโล่งๆพื้นก็จะมีแต่ดินแข็งๆตะปุ่มตะปั่มของรอยรถไถเท่านั้น กางมุ้งมั่ง(ยกขา+แขนชี้ฟ้าหน้าสู้แดดแรงๆ) ที่เหลือก็เป็นคล้ายๆฐานลูกเสือ แต่ก็เล่นเอาลมจับไปหลายคนได้

วันที่สี่ (19 ม.ค. 55)
เป็นสถานีที่ส่วนตัวชอบอีกสถานีนึงเพราะมันโดนแดกไม่เยอะ(เท่าไหร่) สถานีนี้ได้ความรู้การรบนอกรูปแบบต่างกับสถานีอื่นและเพิ่มการดำรงชีวิตมาด้วยนั่นคือสถานี "รบพิเศษ" ช่วงเช้าฝึกแผนดำเนินการรบตามที่ครูฝึกสอน จะเริ่มมีตำแหน่งที่ถูกแต่ตั้งให้กับ นศท.ใช้ในการจำลองฝึกเช่น บก.หน่วย พลนำสาร วิทยุ พยาบาล นับก้าว หรือจะถูกแบ่งเป็นหน่วยอีกก็มี หน่วยโจมตี สนับสนุน ระวังป้องกัน ..การฝึกก็จะจะรูปขบวนการรบจำลองสถานการณ์การโจมตีข้าศึก ใช้คำสั่งในการยิงหยุดหรือซุมยิง ช่วงนี้โดนหินบาดกระจายแล้วเหมือนเล็บเท้าจะหลุดเพราะอากาศทำรองเท้าคอมแบทร้อนมากๆ (แต่ก็ไม่ถึงกับตายอยู่ดี) ลืมบอกไปว่าระหว่างพักฝึกแต่ละครั้งก็จะมีน้ำบางทีก็เป็นเกลือแร่หรือเอมร้อยเย็นๆมาขาย (เหมือนสวรรค์!) ส่วนช่วงเย็นวันนี้จะไม่ได้กินข้าวเลี้ยงเพราะจะต้องอยู่ป่า(จริงๆ ที่มีแต่ดงหมามุ้ย)ทำกินเองกับเพื่อนทั้งร.ร.เดียวกันและต่างกัน แบ่งหน้าที่กันไป ถ้าไม่สามัคคีก็อดแ*กกันไป ก่อนเสร็จครูก็สอนเรื่องวัตถุระเบิดและสอนวิชาชีวิตนิดหน่อย

วันสุดท้าย (20 ม.ค. 55)
อย่างงว่าทำไมถึงเป็นวันสุดท้าย เพราะว่าเราขอเลื่อนผลัดมาแล้วไม่พอยังขอเขากลับก่อนอีก~ เพราะว่าคนติดสอบกันเยอะ แต่ถึงจะกลับก่อนแต่เราก็เล่นครบทุกสถานีตามกำหนดแล้ววันสุดท้ายจริงๆก็มีพิธีปิดกับมอบโล่ยิงปืน ...ว่ากันต่อเรื่องสถานีวันนี้มันเป็นสถานนีที่หนักที่สุดก็ว่าได้ "การเข้าตี" จะแบ่งเป็นหน่วยปืนเล็กมั่ง ยิ่งจรวด รถถัง บก. นู้นนี่นั้น ช่วงเช้าก็เริ่มเดินจากที่รวมพลไปสถานีกับ3โลได้เล่นเอาหอบแ*กแต่เช้า ช่วงเช้าก็สอนการวางรูปขบวนซ้อมเล็กน้อยแต่เหนือพอตัวเลยแล้วก็นอนซุ่มในป่า(จริงๆ)แถมข้าวกลางวันอร่อยมากข้าว แกงหน่อไม้ ไส้หรอก ต้มถั่วเขียวเป็นของหวานแต่วิธีกินครูเขาในทำอุตริไปหน่ิอยคือเอามาผสมคลุกๆกันในหมดทุกอย่างแล้วมือเปื้อนๆดินนั้นแหละจ้วงกินห้ามใช้ช้อน ..พอบ่าย มันเหนือยตรงนี้แหละแดด แดด แดด แดดล้วนๆฝึกๆแล้วก็หมอบซุมยิง หินนี่โครตแข็ง คลานสูงต่ำตามแนวรับ พร้อมตัวสร้างอารมณ์ร่วมครูฝึก! ตัวรวยประทัดจุดกันทุกทีเป็นว่าเล่น  ...ลอดลวดหนามสูงซัก2นิ้วครึ่งได้ก็เอาไอ้ปืนสงครามโลกช่วยกันดันกับเพื่อนนั้นแหล่ะแล้วก็วิ่งโผไปเรื่อยๆๆ เสร็จสิ้นการฝึกก็รวมแถวของร.ร. เพราะว่ารถที่เตรียมจะกลับก่อนมาแล้ว ก่อนกลับเก็บเต็นท์จัดการข้าวของพร้อมขอบคุณครูฝึกหลังจากนั้นก็แทบน้ำหูน้ำตาไหลเพราะ "กูจบแล้วโว้ย!"

สิ่งที่ผมได้นั้นหรอ...เหนือย เมื่อย ดำ สกปรก(เพราะ5 วันมานี่ไม่ได้อาบน้ำหรือเปลี่ยนชุดอะไรเลย~) แต่ความเป็นไปเหล่านั้นมันแฝงความรู้ภายนอกห้องเรียนที่หาไม่ได้ง่ายๆ  สิ่งอื่นๆเราจะทำไม่ได้หรือเอาตัวรอดไม่ได้ได้ยังไงในเมื่อสิ่งที่ประสบการณ์การเอาตัวรอดในภาวะที่เหนื่อยที่สุด ร้อนที่สุด สกปรกที่สุด หิวที่สุด ลำบากที่สุดเหล่านี้เราได้เอาชนะมันมาแล้ว มันสอนให้คนสามารถเป็นคนที่มีคุณค่าขึ้นไปได้อีก และสิ่งต่างๆที่ได้รับจากครูหรือเพื่อนในที่ต่างๆ ครั้งนี้มันหาจากไหนไม่ได้จริงๆ คุณค่า3ปีกับอุดมการณ์รักชาติที่ได้มันเป็นอะไรที่ผมขอบคุณครูฝึกหรือเหล่าเพื่อนฝูงยังไง ถึงวันนี้ผมรักในวิชารักษาดินแดน แต่ก็ไม่สามารถยุยงหรือบังคับให้ใครเรียนได้หรอกแต่ผมภูมิใจและไม่เสียเวลากับมันเลยจริงๆ
ที่เขียนๆมาอาจจะไม่ชอบใจและไม่ละเอียดหรือยังไงนะครับเพราะผมไม่มีเวลามีคิดสคลิปอะไรหรอกนึกอะไรก็เขียนเลย ต้องขออภัยด้วยๆ...
"ความไวเป็นของปีศาจ แต่คนฉลาดย่อมไวกว่า"

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สุดยอดเรย วันนิมีรุ่นพี่ รด ปี2 ไปภาคสนาม ไม่รุเปงตายร้ายดียังไง ได้อ่านตอนกินข้าวแล้ว ถึงกับอึงเรย สุดยอดจิงๆๆ

Unknown กล่าวว่า...

นี่ยังบ่นไม่หมดเลยนะครับ ลองถามๆพวกที่กลับมาแล้วซิ ฮ่าๆๆ

แบ่งปัน